07.30 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบิน MYANMAR AIRWAYS INTERNATIONAL (8M) มีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารการเดินทาง
10.40 น. ออกเดินทางสู่ เมืองย่างกุ้ง โดยสายการบิน MYANMAR AIRWAYS INTERNATIONAL เที่ยวบินที่ 8M 336 (บริการอาหารว่างบนเครื่องบิน) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที)
11.30 น. เดินทางถึง สนามบินย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ (เวลาท้องถิ่นที่ประเทศเมียนมาร์ ช้ากว่าประเทศไทย 30 นาที) กรุณาปรับนาฬิกาให้ตรงตามเวลาท้องถิ่นเพื่อสะดวกในการนัดหมาย
หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง, ศุลกากร และรับสัมภาระเรียบร้อย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองหงสาวดี (BAGO) หรือ “เมืองพะโค” เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงย่างกุ้ง ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรพม่า และมอญ ยังเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองมอญโบราณที่ยิ่งใหญ่และอายุมากกว่า 400 ปี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที)
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน (เมนูพิเศษ กุ้งแม่น้ำท่านละ 1 ตัว)
บ่าย นำท่านชม พระราชวังบุเรงนอง (Kambazathadi Golden Palace) ซึ่งเพิ่งเริ่มขุดค้นและบูรณปฏิสังขรณ์เมื่อปี พ.ศ.2533 จากซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้เป็นที่ประทับของ พระเจ้าบุเรงนอง ท่านผู้ที่ได้รับคำสรรเสริญว่าเป็น ผู้ชนะสิบทิศ และเป็นที่ประทับของพระนางสุพรรณกัลยา และ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งต้องตกเป็นเชลยศึก เมื่อต้องเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า แต่ปัจจุบัน พระราชวังแห่งนี้ได้เหลือเพียงแต่ร่องรอย ทางประวัติศาสตร์ และถูกสร้างจำลองพระราชวังและตำหนักต่างๆ ขึ้นมาใหม่โดยอ้างอิงจากพงศาวดาร
จากนั้นนำท่านชม เจดีย์ชเวมอดอว์ (Shwemawdaw Pagoda) มีชื่อเรียกในภาษามอญซึ่งคนไทยจะคุ้นเคยกับชื่อ “พระธาตุมุเตา” แปลว่า “จมูกร้อน” เป็นเจดีย์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า “เป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดแห่งพม่า” เป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างศิลปะพม่าและศิลปะของมอญได้อย่างกลมกลืน มีจุดอธิษฐานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงบริเวณยอดฉัตรที่ตกลงมาเมื่อปี พ.ศ. 2473 เจดีย์ชเวมอดอเคยผ่านการพังทลายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยแผ่นดินไหวครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 5 ก.ค. พ.ศ. 2473 ได้ทำให้ปลียอดของเจดีย์หักพังลงมา แต่ชาวเมืองได้ร่วมใจช่วยกันบูรณะเจดีย์ชเวมอดอขึ้นมาใหม่ในปีพ.ศ.2497 พร้อมด้วยความสูงถึง 374 ฟุต อย่างในปัจจุบัน
นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองไจ้โท (KYAIKTO) แห่งรัฐมอญระหว่างทางท่านจะได้พบกับสะพานเหล็กที่ข้าม ผ่านชมแม่น้ำสะโตง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เดินทางต่อสู่ พระธาตุอินทร์แขวน (Kyaikhtiyo Pagoda) นับเป็น “เป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดแห่งพม่า” ที่ชาวพม่าต้องไปสักการะ และยังเป็นพระธาตุประจำปีจอ พระธาตุอินทร์แขวน คือ เป็น หินสีทอง ขนาดใหญ่ สูง 5.5 เมตร อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 3,615 ฟุต ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ ท้าทายแรงดึงดูดของโลก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
เดินทางถึง คิ้มปูนแค้มป์ ซึ่งเป็นจุดสำหรับทำการเปลี่ยนรถเป็น รถบรรทุกหกล้อ (เป็นรถประจำเส้นทางชนิดเดียวที่จะสามารถขึ้นพระธาตุอินทร์แขวนได้) (ใช้เวลาเดินทางจากคิ้มปูนแค้มป์ถึงยอดเขาประมาณ 1 ชั่วโมง)
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังจากอาหารค่ำ ท่านสามารถอิสระขึ้นไปนมัสการหรือนั่งสมาธิที่พระเจดีย์ได้ตลอดทั้งคืน แต่ประตูเหล็กที่เปิดให้สำหรับสุภาพบุรุษ เข้าไปปิดทององค์เจดีย์ เปิดถึงเวลา 21.00 น. (ควรเตรียมเสื้อกันหนาวหรือกันลมหรือผ้าห่มผ้าพันคอเบาะรองนั่งเนื่องจากบริเวณพื้นที่นั้นมีความเย็นมาก)
05.00 น. ช่วงเช้า สำหรับผู้ที่ต้องการใส่บาตร สามารถซื้อได้โดยมีร้านค้าจำหน่าย อยู่ที่ชุดละประมาณ 3,000-10,000 จ๊าต และดอกไม้ธูปเทียนชุดละ 2,000 จ๊าต ท่านสามารถเลือกทำบุญได้ตามอัธยาศัย (กิจกรรมนี้ไม่บังคับ อิสระตามอัธยาศัย)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
สมควรแก่เวลานำท่าน นั่งรถบรรทุกหกล้อถึงคิ้มปูนแค้มป์ (ใช้เวลาเดินทางจากยอดเขาถึงคิ้มปูนแค้มป์ประมาณ 1 ชั่วโมง) และเปลี่ยนเป็นรถโค้ชปรับอากาศ เพื่อเดินทางกลับสู่ เมืองหงสาวดี (BAGO) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน (เมนูพิเศษ กุ้งแม่น้ำท่านละ 1 ตัว)
บ่าย นำท่านนมัสการ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว (Shwethalyaung Buddha) กราบนมัสการพระพุทธรูปนอนที่ที่มีพุทธลักษณะที่สวยงามในแบบของมอญ ในปี พ.ศ.2524 ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่าทั่วประเทศและเป็นพระนอนที่งดงามที่สุดของพม่าองค์พระยาว 55 เมตร สูง 16 เมตร
นำท่านชม เจดีย์ไจ๊ปุ่น (Kyaik Pun Pagoda) สร้างในปี 1476 มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ สูง 30 เมตร ประกอบด้วย องค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า (ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ กับพระพุทธเจ้าในอดีต สามพระองค์คือพระพุทธเจ้ามหากัสสปะ ทิศตะวันตก) เล่ากันว่าสร้างขึ้นโดยสตรีสี่พี่น้องที่มีพุทธศรัทธาสูงส่งและต่างให้สัตย์สาบานว่าจะรักษาพรหมจรรย์ไว้ชั่วชีวิต
สมควรแก่เวลานำเดินทางกลับสู่ เมืองย่างกุ้ง (YANGON) เคยเป็นเมืองหลวงของพม่าจนถึงปี ค.ศ. 2006 เมื่อรัฐบาลทหารย้ายศูนย์ราชการไปยังเนปยีดอในภาคกลางของประเทศพม่าอย่างเป็นทางการ ด้วยประชากรกว่า 7 ล้านคนย่างกุ้งจึงเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของพม่าและเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญที่สุด (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที)
จากนั้นนำท่านชม เจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) “เป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดแห่งพม่า” ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาสิงคุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า โดยคำว่า "ชเว" หมายถึง ทอง, "ดากอง" ภาษามอญเรียกชื่อว่า ตะเกิง คือชื่อดั้งเดิมของเมืองย่างกุ้ง เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระโคตมพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น ยอดสุดขององค์เจดีย์บริเวณลูกแก้วหรือหยาดน้ำค้างประดับด้วยเครื่องประดับต่าง ๆ และเพชร 5,448 เม็ด ชั้นบนสุดมีทับทิม 2,317 เม็ดและเพชรเม็ดใหญ่ 76 กะรัต เพื่อรับลำแสงแรกและลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ ผู้ที่เข้ามานมัสการหรือเยี่ยมชมจะต้องถอดรองเท้าทุกครั้ง ตามตำนาน เจดีย์ชเวดากองนั้นสร้างเมื่อ 2,500 ปีที่แล้ว แต่นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีเชื่อกันว่าสร้างระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 6–10 โดยชาวมอญ ตามตำนานนั้นกล่าวว่ามีพี่น้องพ่อค้า 2 คนคือ ตปุสสะและภัลลิกะ จากตอนเหนือของเนินเขาสิงคุตระ ได้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระองค์จึงประทานพระเกศาให้พ่อค้าทั้งสองมา 8 เส้น พ่อค้าทั้งสองกลับมายังพม่าและได้ความช่วยเหลือจากผู้ปกครองท้องถิ่น พระราชาโอะกะลาปะ ในการประดิษฐานพระเกศาธาตุบริเวณเนินเขาสิงคุตระ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม เจดีย์โบตะทาวน์ (Botahtaung Pagoda) สร้างโดยทหารพันนายเพื่อบรรจุพระบรมธาตุที่พระสงฆ์อินเดีย 8 รูป ได้นำมาเมื่อ 2,000 ปีก่อน ในปี 2486 เจดีย์แห่งนี้ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ากลางองค์จึงพบโกศทองคำบรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมธาตุอีก 2 องค์ และพบพระพุทธรูปทองเงินสำริด 700 องค์ ภายในเจดีย์ที่ประดับด้วยกระเบื้องสีสันงดงาม และมีมุมสำหรับฝึกสมาธิหลายจุดในองค์พระเจดีย์
จากนั้นพาท่านขอพร พระเทพทันใจ เป็นเทพที่รักษาองค์พระบรมเกศาธาตุที่เจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง ซึ่งตามตำนานพระไตรปิฎกเล่าว่า ก่อนที่ชาวรามันทั้ง 8 จะเข้าไปนมัสการพระพุทธเจ้า ได้มีเทวดาองค์หนึ่งซึ่งเคยเกิดเป็นญาติของชาวรามัญกลุ่มนี้ ได้ชี้นิ้วไปยังทิศที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ซึ่งจุดนี้จึงเป็นตำนานในการสร้างเทวรูปเป็น “เทพทันใจ” ยื่นชี้นิ้ว ไปทางพระบรมสารีริกธาตุ ในเจดีย์ชเวดากองนั่นเอง และ “เทพทันใจ” ยังคง จัดได้ว่าที่พึ่งทางใจของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นอาชีพ นักการเมือง ดารา ศิลปิน นักร้องหรือคนทั่วไปนับถือกันเป็นจำนวนมาก หรือ แม้กระทั้งพ่อค้าแม่ขายจะนิยมกันมาก เพราะเชื่อกันว่าเมื่อได้ขอพรเกี่ยวกับธุรกิจก็ได้สมหวังรวดเร็วทันใจทุกที ชื่อว่า เทพทันใจ จึงเป็นคำที่ติดปาก และคนไทยเป็นคนตั้ง ซึ่งตามชื่อจริงๆ แล้วก็คือชื่อ “นัตโบโบยี” ที่ชาวพม่ารู้จัก เป็นที่เคารพมาตั้งแต่ สมัยโบราณ
จากนั้นนำท่านข้ามฝั่งไปอีกฟากหนึ่งของถนน เพื่อสักการะ เทพกระซิบ ซึ่งมีนามว่า “อะมาดอว์เมี๊ยะ” ตามตำนาน กล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธ ศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อ สิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานาน แล้ว การขอพรเทพกระซิบต้องเข้าไปกระซิบเบาๆ ห้ามคนอื่นได้ ยิน การบูชาเทพกระซิบ บูชาด้วยน้ำนม ข้าวตอก ดอกไม้และ ผลไม้
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ตลาดสก็อต (Scott Market) หรือ “ตลาดโบยกอองซาน” สร้างโดย นายสก๊อต ชาวอังกฤษ ตลาดสก๊อต เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด มีอาคารหลายหลังเชื่อมต่อกันหลายหลัง มีสินค้าวางขายแทบทุกชนิด เป็นสถานที่ช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศพม่า เป็นแหล่งศูนย์รวมของฝากทุกชนิด เป็นตลาดที่มีสินค้าหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า ของที่ระลึกต่างๆ เครื่องเงิน, อัญมณี, เครื่องแกะสลัก, ผ้าไหมลายต่างๆ, สินค้าจากชนกลุ่มน้อย ฯลฯ
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน (เมนูพิเศษ บุฟเฟ่ต์ฮอทพอท+ติ่มซำ)
บ่าย นำท่านสักการะ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี (Chauk Htat Gyi Buddha Temple) หรือ “พระนอนตาหวาน” ซึ่งเป็นพระพุทธไสยาสน์องค์ขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึง 6 ชั้น ยาวกว่า 70 เมตร ใช้โครงเหล็กกั้นถึง 65 เมตร มีหลังคาคลุม 6 ชั้น สร้างขึ้นเมื่อปี 1907 ถูกยกย่องให้เป็นพระนอนที่มีขนาดใหญ่และงดงามที่สุดในพม่า ด้วยพระพักตร์ที่งดงามเปื้อนยิ้ม ดวงตาทำจากลูกแก้ว ที่สั่งผลิตจากต่างประเทศ ทาขอบตาด้วยสีฟ้าและมีขนตาหนายาวทำให้ดวงตาดูหวาน จนถูกเรียกพระนาม อีกชื่อคือ “พระตาหวาน” บริเวณพระบาทมีภาพวาดลายธรรมจักร ตรงกลางฝ่าพระบาทล้อมรอบด้วยรูป มงคล 108 ประการ ที่แสดงถึงอากาศโลก สัตว์โลก และสังขารโลก อีกทั้งจีวรยังมีลักษณะพริ้วไหวสมจริง และตรงชายประดับด้วยอัญมณีแวววาว ถือเป็นพุทธศิลป์ ที่มีความงดงามทรงคุณค่า
จากนั้นนำท่านชม วัดพระเจดีย์พะเจ้างาทัตยี (Nga Htat Gyi Pagoda) มีพระพุทธรูปที่สวยงามตามแบบฉบับของพม่า ประชาชนมานิยมกราบไหว้ โดยผู้ชายพระพม่าจะกราบไหว้พระแบบนั่งยองๆ ส่วนผู้หญิงจะนั่งขัดสมาธิลงกับพื้น ที่นี่จะมีพระพุทธรูปปรางค์สมาธิ แบบศิปะของพม่า มีความสูงประมาณ ตึก 5 ชั้น
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ สนามบินย่างกุ้ง เพื่อเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย
17.25 น. เดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน MYANMAR AIRWAYS INTERNATIONAL เที่ยวบินที่ 8M 350 (บริการอาหารว่างบนเครื่องบิน) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที)
*** (เฉพาะกรุ๊ปที่เดินทางวันที่ 13-15 ตุลาคม 2566 ไฟล์ทขากลับจะเป็นเที่ยวบินที่ 8M 331 : 16.25-18.15) ***
19.15 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ
วันเดินทางไป - กลับ | ผู้ใหญ่ท่านละ | พักเดี่ยวเพิ่มเงิน | ราคาเด็กท่านละ | |
---|---|---|---|---|
06 ต.ค. 66 - 08 ต.ค. 66 | 9,999 บาท | 3,900 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
12 ต.ค. 66 - 14 ต.ค. 66 | 10,999 บาท | 3,900 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
13 ต.ค. 66 - 15 ต.ค. 66 | 11,118 บาท | 3,900 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
21 ต.ค. 66 - 23 ต.ค. 66 | 11,118 บาท | 3,900 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
2/4 หมู่บ้านกลางเมือง ลาดพร้าว 101 ซอยลาดพร้าว 101 ซอย38แยก1 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105555173325