ทัวร์โปรตุเกส สเปน

ทัวร์โปรตุเกส สเปน - บริษัท ไอดอลทราเวลเลอร์ส แอนด์ อีเว้นท์ออล จำกัด
รหัสทัวร์
039-02130
วันที่เดินทาง
ต.ค.67 / ธ.ค.67
ช่วงเวลา
9 วัน 7 คืน
เดินทางโดย
Qatar Airways (QR)

ไฮไลท์

  • ลิสบอน – แหลมโรก้า – หอคอยเบเล็ม – อนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่ 
  • พระราชวังแห่งชาติเปนา – จัตุรัสอเลียโดส – สถานีรถไฟ Sao Bento
  • ล่องเรือแม่น้ำดูว์โร – ซาลามังก้า – เซโกเบีย – คลองส่งน้ำโรมัน
  • ปราสาทแห่งเซโกเบีย - โตเลโด้ – มหาวิหารโตเลโด้ – แมดดริด  
  • สนามกีฬาซานเตียโก เบร์นาเบว – พลาซาร์มายอร์ – ปูเอต้าเดซอล
  • พระราชวังหลวง – เอาท์เล็ท LAS ROZAS VILLAGE

แผนการเดินทาง

06.00 น.คณะผู้เดินทางพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารขาออกชั้น 4 ประตูทางเข้าเบอร์ 6-8 เคาน์เตอร์ Q สาย การบินกาตาร์ แอร์เวย์ (QR) เจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยให้การต้อนรับพร้อมอํานวยความสะดวกด้านสัมภาระ และ บัตรที่นั่งขึ้นเครื่อง

09.05 น.ออกเดินทางสู่ ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส โดยเที่ยวบินที่ QR 831 /QR 341 แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินโดฮา ประเทศกาตาร์ บริการอาหารและเครื่องดื่มตลอดเที่ยวบิน

20.35 น.คณะเดินทางถึง ท่าอากาศยานลิสบอน ปอร์เตลา กรุงลิสบอน เมืองหลวงเก่าแก่มีประวัติยาวนานกว่า 800 ปี ของ ประเทศโปรตุเกส เมืองที่ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตอนใต้บน คาบสมุทรไอบีเรีย หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว นําคณะเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก

พักค้างคืน ณ RADISSON BLU LISBON หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1 )

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่ 1)

  ออกเดินทางสู่ แหลมโรก้า (Capo Da Roca) ตะวันตกสุดของโปรตุเกสและของทวีปยุโรป ตั้งอยู่ในเขตอุทยาน แห่งชาติซินทรา ห่างจากลิสบอนเมืองหลวงประมาณ 45 กม. ตัวแหลมจะยื่นออกไปทางตะวันตกสู่มหาสมุทร แอตแลนติก ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นชะง่อนผาสูงประมาณ 100 เมตรเกิดจากการกัดเซาะของน้ําทะเลซึ่งทําให้เกิด คลื่นขนาดใหญ่สูงกว่า 30 เมตร และถือได้ว่าใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ จากตรงนี้ท่านจะได้ชมความงามของ มหาสมุทรแอตแลนติกอันยิ่งใหญ่ไพศาลเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก นําคณะเดินทางไปยัง กรุงลิสบอน


เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 2)

  นําคณะเที่ยวชม กรุงลิสบอน ผ่านชมอดีตพระราชวังหลวง อายุเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ผสมผสานระหว่าง สถาปัตยกรรมโกธิกและมัวร์อย่างสวยงาม ปัจจุบันเป็นที่พํานักอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดี ชมเมือง วิหารเจอโรนิโม ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่วาสโก ดากามา และการเดินทางสู่อินเดียเป็นผลสําเร็จ ในปี ค.ศ. 1498 จัดเป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่ามานูเอลไลน์ (MANUELINE) ใช้เวลา ก่อสร้างทั้งสิ้น 70 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ว่าเป็น WORLD HERITAGE SITE ภายในประกอบไปด้วยอาคารสําคัญต่างๆ นําท่านชม หอคอยเบเล็ม (BELEM TOWER) เดิมสร้างไว้กลาง น้ําเพื่อเป็นป้อมรักษาการณ์ดูแลการเดินเรือเข้าออก และเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสํารวจและค้นพบ โลกของวาสโก ดากามา และนักเดินเรือชาวโปรตุเกส เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของสถาปัตยกรรมมานูเอลไลน์ที่ สวยงาม บันทึกภาพกับ อนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 เพื่อฉลองการครบ 500 ปี แห่งการ สิ้นพระชนม์ของเจ้าชายเฮนรี่ เดอะเนวิเกเตอร์ และยกย่องนักเดินเรือสํารวจรอบโลก เชิญท่านลองชิมขนมทาร์ตคัสตาร์ด (NATA DE PASTEIS) ในร้านขนมเก่าแก่ที่ให้บริการมากว่าร้อยปี แวะชิมขนมโปรตุเกสต้นตํารับของ ขนมไทย อาทิ ทองหยอด ที่มีต้นตํารับแท้อยู่ที่โปรตุเกสและเข้าไปเผยแพร่ในกรุงศรีอยุธยาโดยท่านท้าวทองกีบ ม้า จากนั้นนําชม สะพานแขวนที่ยาวที่สุดในยุโรป ซึ่งสะพานนี้มีชื่อว่า PONTE 25 ABRIL (ซึ่งเมื่อวันที่ 25 APRIL ปี 1974 ได้เกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ระบอบประชาธิปไตย)


คำ่ รับประทานอาหารค่ำ  ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 3)
พักค้างคืน ณ RADISSON BLU LISBON หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)

 

เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่ 4)


  นําท่านสู่ เมืองชิงตรา ดินแดนแห่งมรดกโลก เมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและทิวทัศน์ของธรรมชาติที่ สวยงามจนได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกในส่วนของ ภูมิทัศน์วัฒนธรรม เป็นแห่งแรกของ ยุโรปเมื่อปี ค.ศ. 1995ยังเป็นเมืองพักตากอากาศยอดนิยมสําหรับชาวโปรตุเกสและนักท่องเที่ยวทั่วโลกอีกด้วย

  นําท่านเข้าชม พระราชวังแห่งชาติเปนา (PENA PALACE) หรือ PALA'CIO NACIONAL DA PENA หนึ่งใน มรดกโลกแห่ง เมืองซึ่งตรา (SINTRA) เดิมเป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15 แต่หลังจาก เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 1755 โบสถ์แห่งนี้ก็พลังทลายลงจนเหลือเพียงแค่ซากปรักหักพัง จนกระทั่งเมื่อ ปี ค.ศ. 1838 กษัตริย์ FERDINAND SAXE-COBURG-GOTHA ก็ได้ตัดสินใจสร้างพระราชวังขึ้นใหม่แทนที่ โบสถ์หลังเดิม แล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1854 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรแมนติก ทาด้วยสีเหลือง แดง น้ําเงิน ม่วง ดู ฉูดฉาด สดใส ล้อมรอบไปด้วยพรรณไม้นานาชนิดจากทั่วโลก สวยงามราวกับปราสาทในเทพนิยาย JO)


เที่ยง รับประทาน อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 5)


จากนั้นนําท่านสู่ ย่านเมืองเก่าซึ่งตรา (OLD CENTRE OF SINTRA) จุดศูนย์รวมตึกอาคารที่มีรูปแบบ สถาปัตยกรรมเก่าแก่ในเมือง รวมถึงพิพิธภัณฑ์สําคัญๆ ต่างๆ โบสถ์ ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ออกเดินทางสู่ ปอร์ โต้ (Porto) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในโปรตุเกส และเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางเก่าแก่ของยุโรป ตั้งอยู่ใน ภาคเหนือของโปรตุเกสที่ปากของแม่น้ําดูว์โร (Duero Hisz) เป็นเมืองท่าที่มีชื่อในด้านไวน์ปอร์โต้ ซึ่งเป็นแหล่ง|น้ําเมาชั้นดีของคนที่รักในการดื่ม เพราะมีCaveไวน์ของแต่ละแบรนด์กระจายไปทั่ว ด้วยปัจจัยเหล่านี้ปอร์โต้จึง ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1996 เมืองนี้แบ่งการท่องเที่ยวเป็นสามส่วน ใหญ่ๆ คือ โซนชายฝั่งทะเล ซึ่งสร้างชื่อตอนหน้าร้อนให้กับเมืองนี้ได้อย่างดี โซนเมืองเก่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ เก่า, สถานีรถไฟเก่าแก่, ตลาดดั้งเดิมและตึกรามบ้านช่องที่บอกถึงความเก่าได้อย่างดี และสําหรับโซนนี้มีแหล่ง ท่องเที่ยวที่สําคัญและเป็นที่ที่โรแมนติกมากคือที่ริมแม่น้ําที่ชื่อว่า The Ribeira ซึ่งมีทิวทัศน์ทั้งในกลางคืนและ กลางวัน ส่วนโซนที่สามที่มีแม่น้ําดูว์โรผ่านกลาง คือ โซนเมืองใหม่ หรือ ย่าน Vila Nova de Gala โซนนี้จะเป็น โซนที่สําหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบในการดื่ม เพราะเป็นแหล่งผลิตไวน์ปอร์โต้ของทุกยี่ห้อแล้วแต่เลือกสรรกันไป ซึ่งสองย่านนี้ถูกเชื่อมด้วยสะพานเหล็กที่สูงเฉียดฟ้า และแข็งแกร่งซึ่งคนที่สร้างสะพานแห่งนี้มีชื่อว่า GustaveEiffelเป็นคนเดียวที่สร้างหอไอเฟลในปารีส


ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 6)
พักค้างคืน ณ Hf Ipanema Park หรือเทียบเท่า (คืนที่ 3 )

 

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่ 7)

  จากนั้นนําท่านชมความงามของ เมืองมรดกโลกปอร์โต้ โดยเริ่มจาก ย่านจัตุรัสอเลียโดส หรือ (Praça dos Liberdade) เป็นจัตุรัสใจกลางเมืองปอร์โต้ ที่ประกอบด้วยอาคารสวยงามที่เป็นที่ทําการของธนาคารและโรงแรม และศาลาว่าการเมือง (City Hall) จัตุรัสแห่งนี้เป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ และเป็นแหล่งรวมอาคารสถาปัตยกรรม เก่าแก่ของปอร์โต้ อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปบริเวณจัตุรัสอเลียโดสแห่งนี้ จากนั้นนําท่านชม สถานีรถไฟ Sao Bento ซึ่งเป็นอาคารสถานีรถไฟโบราณ ภายในมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องเขียนสีและลวดลายสีน้ําเงินบอกเล่า เรื่องราวของชาวโปรตุเกสสวยงามมาก จากนั้นแวะถ่ายรูปกับโบสถ์หลักที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง โบสถ์ Se Catedral อายุกว่าพันปี โบสถ์แห่งนี้เป็นที่จัดงานอภิเษกสมรสของกษัตริย์ Joao ที่ 1 บิดาของเจ้าชายเฮนรี่ ผู้บุกเบิกการเดินเรืออันยิ่งใหญ่ของโปรตุเกสเพื่อออกแสวงดินแดนใหม่ จนโปรตุเกสมีอาณานิคมมากมายทั่วโลก และโปรตุเกสคือประเทศตะวันตกประเทศแรกที่มาติดต่อกับไทยในปี พ.ศ. 2054 โบสถ์แห่งนี้สร้างอยู่บนเนินที่ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองและแม่น้ํา คูว์โร เป็นจุดชมวิวที่สวย อีกจุดให้ท่านเก็บภาพประทับใจ


เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 8)


 
 นําท่านลงเรือ ล่องชมความงามสองฟากฝั่งแม่น้ําดูว์โร ผ่านชม Cais da Ribeira เรือขนไวน์โบราณ Rabelos ที่ จอดเรียงรายให้ชื่นชมความเป็นมาของเมืองนี้และแม่น้ําดูว์โร สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่รุ่งเรืองมากใน สมัยที่เป็นท่าเรือโบราณและตลาดค้าขายมาตั้งแต่สองสามร้อยปีก่อน บริเวณนี้จึงได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดก

  ออกเดินทางสู่ ซาลามังก้า เมืองหลักของจังหวัดซาลามังก้าในแคว้นคาสตีลและเลออง เมืองมีชื่อที่ได้ยินมานาน แล้วโดยเฉพาะกิตติศัพย์ในเรื่องของความเก่าแก่และงดงาม เมืองนี้จึงเป็นเมืองที่ค่อนข้างมีมนต์ขลังอีกเมืองหนึ่ง บนที่ราบสูงริมแม่น้ําตอร์เมส ในอดีตเมืองซาลามังก้า เป็นเมืองที่มีทางภาคตะวันตกของประเทศสเปน ความสําคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของการค้าขายเมื่อครั้งสมัยโรมันยังเรืองอํานาจอยู่



ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 9)
พักค้างคืน ณ GRAN HOTEL CORONA SOL หรือเทียบเท่า (คืนที่ 4 )

เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่ 10)


   นําท่านสู่ พลาซา มายอร์ (PLAZA MAYOR) ศูนย์กลางของเมือง สร้างโดยศิลปะสไตล์บาร็อกอันเป็นเอกลักษณ์ ของความอู้ฟู่ในยุคศตวรรษที่ 16-18 ในฤดูร้อน พลาซา มายอร์ คือพื้นที่แห่งความบันเทิงของชาวสเปน หนึ่งใน นั้นก็คือการสู้วัวกระทิง จนในที่สุดก็เลิกจัดขึ้นที่พลาซาแห่งนี้ในกลางยุคปี ค.ศ. 1800 ปัจจุบันบริเวณนี้เรียกได้ว่า เป็นจุดศูนย์กลางของการทํากิจกรรม และการพบปะของผู้คน จากนั้นนําท่านถ่ายรูปกับ มหาวิทยาลัยซาลามังกา(UNIVERSITY OF SALAMANCA) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของประเทศสเปนยาวนานถึง 700 กว่าปี นับว่า มีอายุเก่าแก่ไม่แพ้มหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศอื่นๆ ในยุโรป อย่างไรก็ตามสถาปัตยกรรมสําคัญของซาลามัง กาคือ มหาวิหาร, พระราชวังและตัวอาคารหลายแห่งของมหาวิทยาลัยยังคงมีสภาพสมบูรณ์ จนกระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 1988 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เขตเมืองเก่าของซาลามังกาเป็นมรดกโลก และในปี ค.ศ. 2002 ก็ได้รับ การยกย่องให้เป็นเมืองหลวงด้านวัฒนธรรมของยุโรปร่วมกับเมืองบรูจส์ของเบลเยียม

  นําท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารซาลามังกา ที่อยู่ในเขตเมืองเก่าเป็นส่วนหนึ่งของอาคารประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดก โลก มหาวิหารในเมืองที่สําคัญมี 2 แห่งคือ มหาวิหารเก่าสร้างเมื่อศตวรรษที่ 12 ด้วยรูปแบบศิลปะโรมัน และ มหาวิหารใหม่ สร้างเมื่อศตวรรษที่ 16 เป็นศิลปะแบบโกธิคที่ดูทันสมัยขึ้น ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 200 ปีจึงแล้วเสร็จ ถ่ายรูปที่ระลึกกับ บ้านหอย (HOUSE OF SHELL) ตั้งอยู่ระหว่างพลาซา มายอร์กับมหาวิหารใหม่ ตึกนี้มี ชื่อตามเปลือกหอยที่ประดับบนกําแพงด้านนอก หอยที่ใช้ประดับนี้เป็นตราประทับของเจ้าของเก่าคืออัศวินซาน ติอาโก และที่นี่ก็คือบ้านของอัศวินผู้นี้ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15 ปัจจุบันได้กลายเป็นหอสมุดสาธารณะ ซึ่งว่าไปก็น่าจะเป็นหอสมุดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองหรือช้อปปิ้งตามอัธยาศัย 


เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 11)


   ออกเดินทางสู่ เซโกเบีย เป็นเมืองหลักของจังหวัดเซโกเบียในแคว้นคาสตีลและเลออองของสเปน ตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบระหว่างแม่น้ําเอเรสมากับแม่น้ํากลาโมเรสที่เชิงเขากวาดาร์รามา โดยขณะที่อยู่ภายใต้การปกครองของ ชาวโรมันและชาวมัวร์ เมืองนี้มีชื่อเรียกว่า เซโกเบีย (Segovia) สันนิษฐานว่าชื่อเมืองมีรากศัพท์มาจากภาษาของ ชาวเคลต์ว่า เซโกบรีกา (Segobriga) ซึ่งเกิดจากการประสมของคําว่า Sego แปลว่า “ชัยชนะ” และคําว่า Briga แปลว่า “เมือง” นําท่านแวะถ่ายรูปที่ระลึกกับ สะพานส่งน้ําโรมัน จากนั้นนําชมเขตเมืองเก่าล้อมรอบด้วยกําแพง ที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 8 และได้รับการบูรณะในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15 แวะถ่ายรูปที่ระลึกกับ มหาวิหารแห่งเมืองเซโกเบีย (Segovia Cathedral) ที่มีชื่อเสียง ถ่ายรูปกับ ปราสาทแห่งเซโกเบีย หรือ ปราสาทอัล กาซาร์ (คําว่าอัลกาซาร์) ในภาษาอารบิกแปลว่าปราสาท หลายคนเรียกปราสาทแห่งนี้ว่าปราสาทแห่งเทพนิยาย เพราะความสวยสง่างามที่มองเห็นได้จากภายนอก ตั้งอยู่บนชะง่อนผาสูงที่แม่น้ําสองสายไหลมาบรรจบกัน จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นเลือกซื้อของฝากของที่ระลึกกับร้านค้าต่างๆ ที่เรียงรายสองข้างทางกันตามอัธยาศัย


ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 12) (เมนูหมูหันอันขึ้นชื่อ)
พักค้างคืน ณ PARADOR DE SEGOVIA หรือเทียบเท่า (คืนที่ 5 )

เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่ 13)

   นําคณะเดินทางต่อไปยัง โตเลโด้ เมืองประวัติศาสตร์ซึ่งมีความหมายว่า “เมืองป้อมน้อย” ในอดีตเป็นเมืองหลวง เก่าของสเปน และเคยถูกชาวโรมันเข้ายึดครองเมืองเมื่อ 2,200 ปีมาแล้ว ปัจจุบันอารยะธรรมของชนต่างชาติครั้ง ก่อนยังคงฝังแน่นคละกันอยู่ในชีวิตประจําวันของชาวเมือง ลักษณะผังเมืองโตเลโด้เป็นเอกลักษณ์ที่น่าชื่นชม ที่สุดของการจัดสร้างเมืองโบราณอันสมบูรณ์แบบ ตัวเมืองรายล้อมด้วยเนินเขามากมาย ประดุจกําแพงธรรมชาติ ด้วยหุบผา 3 แห่งโดยมีแม่น้ําทาโคเป็นเส้นทางคมนาคม นอกจากนี้เมืองโตเลโด้เป็นใจกลางของประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม และได้รับรองจากยูเนสโก้ประกาศให้เมืองโตเลโด้เป็นเมืองมรดกโลก

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 14)

  นําคณะเที่ยวชม นครโตเลโด้ ซึ่งเป็นนครที่คงความงดงามและความเป็นมาในฐานะเมืองเก่าอันเปรียบเป็น อนุสรณ์แห่งประวัติศาสตร์ ยังคงได้รับการยอมรับและบันทึกเอาไว้โดยองค์การสหประชาชาติว่าเป็น “เมือง มรดกโลก” จากนั้นนําคณะเข้าชม มหาวิหารแห่งโตเลโด้ มหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในสเปน เริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1227 อันเป็นสมัยที่ศิลปะแบบโกธิคกําลังแพร่หลายอยู่ในยุโรป และเสร็จสิ้นสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ. 1493 ถือเป็น มหาวิหารสไตส์โกธิคที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง และเป็นศูนย์กลางแห่งศาสนาคริสต์ในประเทศสเปนอีกด้วย ชมห้องเก็บสมบัติของบิช๊อบแห่งโตเลโด้ที่เต็มไปด้วยมงกุฎและคฑาเพชร นําคณะเดินลัดเลาะตามตึกรามบ้านช่อง เก่าแก่สมัยโรมัน ท่านจะประทับใจกับความงดงามและความเก่าแก่ของโตเลโด้ ซึ่งเหมือนกับพิพิธภัณฑ์ทั้งเมือง นําชมโรงงานผลิตเครื่องถมของสเปนดามาสกิโน่ที่สวยงามด้วยการนําทองและเงินมาตีเป็นเส้น และตอกลงบนโลหะสีดําเป็นงานฝีมือที่มีชื่อเสียงของโตเลโด้มาช้านาน

  เดินทางสู่ กรุงแมดดริด เมืองหลวงของประเทศสเปนมหานครอันทันสมัยล้ำยุค ที่ซึ่งกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ได้ทรง ย้ายที่ประทับจากเมืองโตเลโด้มาไว้ที่นี่ และประกาศให้แมดดริดขึ้นเป็นเมืองหลวงใหม่ของพระองค์ จากนั้น ระหว่างปี ค.ศ. 1601-1607 เมื่อพระเจ้าฟิลลิปที่ 3 ได้ย้ายไปที่เมืองวัลลาโดลิด แมดดริดก็ได้ความเป็นเมืองหลวง สืบมาจนถึงบัดนี้ และได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลกและสูงสุดแห่งหนึ่งในยุโรป

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 15) เมนูข้าวผัดสเปนอันเลื่องชื่อ พร้อมรับชมระบําฟลามิงโก้
พักค้างคืน ณ CHAMARTIN THE ONE หรือเทียบเท่า (คืนที่ 6)

เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่ 16)


    นําคณะเที่ยวชมเมืองเก่าแก่นับพันปีตั้งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียน เป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นําท่านคณะ ถ่ายรูปด้านหน้าสนามกีฬาซานเตียโก เบร์นาเบว เป็นสนามฟุตบอลที่มีชื่อเสียงในกรุงมาดริดของ ประเทศสเปน เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด เริ่มเปิดใช้สนามเมื่อ วันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 1944 เดิมมีชื่อว่าเอสตาดีโอชามาร์ติน (Estadio Chamartin) ตามชื่อ ของสนามเดิมของสโมสร เปิดใช้สนามอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 1947 เรอัลมาดริดได้ประกาศใช้ชื่อที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน คือ เอสตาดีโอซานเตียโก เบร์นาเบว เมื่อวันที่ 4 มกราคม 1955 เพื่อ เป็นเกียรติแก่ประธานสโมสรคือ ซานเตียโก เบร์นาเบว เยสเต


กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 17)


   นําคณะเที่ยวชมสถานที่สําคัญๆ ในกรุงแมดริด เริ่มต้นจาก ปลาซา เดอ เอส ปันญา อนุสาวรีย์เซอร์แวนเตส กวีเอกชาวสเปนที่ตั้งอยู่เหนืออนุสาวรีย์ดอนกิโฮเต้และซันโซปันซาในสวนสาธารณะปลาซ่า มายอร์จัตุรัสหลวง ศูนย์กลางเมืองอันเก่าแก่ ถูกสถาปนาขึ้นในปี ค.ศ. 1620 จากนั้นนําคณะชมย่านเมืองเก่า พลาซ่าร์ มายอร์ เป็น จตุรัสใหญ่ใจกลางเมืองเก่าอดีตใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เป็นที่ประกอบพิธีราชาภิเษกและงานฉลองพิธี สําคัญ ๆ เป็นที่ประลองฝีมือของบรรดาอัศวิน และเคยเป็นแหล่งสู้รบอย่างดุเดือดระหว่างทหารของนโปเลียน กับชาวสเปน ปัจจุบันยังคงมีบรรยากาศ และความงามสมัยศตวรรษที่ 1 นําท่านเข้าสู่ ย่าน ปูเอต้า เดล ซอล หรือ ประตูพระอาทิตย์ จัตุรัสใจกลางเมือง ซึ่งนอกจากจะเป็นจุดนับกิโลเมตรแรกของสเปนแล้ว ยังเป็นศูนย์กลาง รถไฟใต้ดินและรถเมล์ทุกสาย และยังเป็นจุดตัดของถนนสายสําคัญของเมืองที่หนาแน่นด้วยร้านค้ามากมาย และห้างสรรพสินค้าใหญ่อีกด้วย ถ่ายรูปคู่กับ อนุสาวรีย์หมีกับต้นมาโดรนา สัญลักษณ์ของเมืองจากนั้นอิสระให้ ท่านเดินเที่ยว WALKING STREET เลือกซื้อสินค้าต่างๆ

คำ่  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พื้นเมือง (มื้อที่ 18)
พักค้างคืน ณ CHAMARTIN THE ONE หรือเทียบเท่า (คืนที่ 7)

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่ 19)

   นําท่านแวะถ่ายรูปที่ระลึกกับ สนามสู้วัวกระทิง PLAZA DE TOROS ที่ชาวสเปนนิยมชมชอบการสู้วัว เนื่อง ด้วยเป็นวิถีโบราณแห่งการเอนเตอร์เทนที่เร้าใจมาช้านาน จากนั้นนําคณะเข้าชม พระราชวังหลวง ของกษัตริย์ ฮวนคาลอส ตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ําแมนซานาเรส มีความสวยงามโอ่อ่าอลังการไม่แพ้พระราชวังอื่น ๆ ใน ทวีปยุโรป เนื่องจากแนวความคิดเปรียบเทียบความใหญ่โตของพระราชวังแวร์ซายส์ และความสวยงามของ พระราชวังลูฟว์ในฝรั่งเศส พระราชวังหลวงแห่งนี้จึงถูกสร้างด้วยหินทั้งหลัง ในปี ค.ศ. 1738 ในสไตล์บาร็อค โดยการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและอิตาเลียน ประกอบด้วยห้องต่าง ๆ มากมายถึง 2,830 ห้อง ซึ่ง นอกจากจะมีการตกแต่งอย่างงดงามแล้ว ยังเป็นที่เก็บภาพเขียนชิ้นสําคัญที่วาดโดยศิลปินในยุคนั้นรวมทั้ง สิ่งของมีค่าต่างๆ อาทิ พัดโบราณ, นาฬิกา, หนังสือ, เครื่องใช้, อาวุธ ฯลฯ จากนั้นชม อุทยานหลวงที่มีการเปลี่ยน พันธุ์ไม้ทุกฤดูกาลดอกไม้งดงามตลอดทั้งปี จากนั้นทําท่านเดินทางสู่ เอาท์เล็ท LAS ROZAS VILLAGE หนึ่งในเอาท์เล็ทที่ดีที่สุดในมาดริดซึ่งขึ้นชื่อเรื่องส่วนลดของสินค้าแบรนด์ดังมากมาย

18.00 น.ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานมาดริด-บาราฆัส TAXREFUND พร้อมกับเช็คอินเดินทางกลับสู่ประเทศไทย

22.30 น.เดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ QR 152 /QR 828 แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินโดฮา ประเทศกาต้าร์ บริการอาหารและเครื่องดื่มตลอดเที่ยวบิน

19.25 น. คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดี....พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม

แผนที่

เงื่อนไข

1) ค่าตั๋วเครื่องบิน (ECONOMY CLASS) ที่ระบุวันเดินทางไป-กลับพร้อมคณะ ในกรณีมีความประสงค์อยู่ต่อ จะต้องไม่เกิน จํานวนวัน จํานวนคนและมีค่าใช้จ่ายที่ทางสายการบินกําหนด (น้ําหนักกระเป๋าใบใหญ่ท่านละ 25 กิโลกรัม/กระเป๋าถือ ขึ้นเครื่องท่านละ 7 กิโลกรัม)
2) ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งตามรายการ
3) ค่ารถโค้ชปรับอากาศนําเที่ยวตามรายการ พร้อมคนขับรถที่ชํานาญเส้นทาง (กฎหมายในยุโรปไม่อนุญาตให้คนขับรถเกิน 12 ชั่วโมง/วัน)
4) ค่า COACH TAX และค่าภาษีผ่านเข้าเมืองต่างๆ
5) ค่าห้องพักในโรงแรมที่ระบุตามรายการพร้อมอาหารเช้าหรือเทียบเท่า (โรงแรมส่วนใหญ่ในยุโรปจะไม่มีเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากอยู่ในภูมิประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น, ราคาโรงแรมอาจมีการปรับขึ้นหลายเท่าตัว หากวันเข้า พักตรงกับช่วงงานเทศกาล งานแฟร์หรือการประชุมต่างๆ อันเป็นผลทําให้ต้องมีการเปลี่ยนย้ายเมือง โดยทางบริษัทฯ จะ คํานึงถึงความเหมาะสมและผลประโยชน์ของคณะผู้เดินทางเป็นสําคัญ)
6) ค่าอาหารเลิศรสทุกมื้อที่ระบุตามรายการ
7) ค่าบัตรเข้าชมสถานที่และการแสดงทุกแห่งที่ระบุตามรายการ
8) ค่าวีซ่าท่องเที่ยวยุโรปแบบยื่นปกติ (ทางสถานทูตจะไม่คืนค่าธรรมเนียมยื่นวีซ่าให้ ไม่ว่าวีซ่าจะผ่านหรือไม่) 9) ค่าบริการนําทัวร์ โดยหัวหน้าทัวร์ผู้มีประสบการณ์
10) ค่าประกันอุบัติเหตุในการเดินทางวงเงิน 1,000,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลในวงเงิน 200,000 บาท (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)
11) ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% (เฉพาะค่าบริการ)
 

1) ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ เช่น ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, มินิบาร์และทีวีช่องพิเศษ ฯลฯ
2) ค่าอาหารและเครื่องดื่มสั่งพิเศษในร้านอาหาร นอกเหนือจากที่บริษัทฯจัดให้ ยกเว้นจะตกลงกันเป็นกรณีพิเศษ
3) ค่าน้ําหนักส่วนที่เกิน 25 กิโลกรัม และมีจํานวนมากกว่า 1 ชิ้น (ระเบียบของสายการบิน)
4) ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ 900 บาท ต่อท่าน
5) ค่าทิปพนักงานขับรถในยุโรป 25 ยูโร ต่อท่าน

บริษัทฯ ขอสงวนลิขสิทธิ์ในการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงราคากรณีผู้ร่วม เดินทางน้อยกว่า 15 ท่าน
สําหรับท่านที่เป็นมุสลิม, ทานมังสวิรัติ, ไม่ทานหมู, ไม่ทานเนื้อ, ไม่ทานไก่, ไม่ทานปลา โปรดแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์
* ในกรณีเลื่อนการเดินทางกลับ ท่านจะต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนทําการยื่นวีซ่า ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายแตกต่าง และต้องมีค่าใช้จ่ายใน การเลื่อนตั๋ว และเอกสารเพิ่มเติม เช่นเอกสารประกัน,เอกสารโรงแรมที่อยู่ต่อ ***หมายเหตุข้อสําคัญที่ท่านควรทราบ***
1.)ในการยื่นวีซ่า ทางบริษัท จะทําการนัดหมายกับสถานทูตและสถานทูตจะเป็นผู้กําหนดวันและเวลาให้เข้าไปยื่นวีซ่า เป็น การยื่นวีซ่าแบบกรุ๊ปเท่านั้น (ปกติสถานทูตจะให้เข้าไปยื่นวีซ่า 15 วันก่อนเดินทาง) ซึ่งอัตราค่าใช้จ่ายรวมอยู่ในรายการทัวร์
แล้ว ***กรุณาพิจารณารายละเอียดของโปรแกรมทัวร์และเงื่อนไขต่างๆของบริษัท เมื่อท่านได้ชําระเงินมัดจํางวดแรกแล้ว ทาง บริษัทถือว่าท่านได้รับทราบและยอมรับเงื่อนไขต่างๆ ของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ***

** เพื่อความถูกต้อง กรุณาตรวจสอบข้อมูลเดินทางและเงื่อนไขการชำระเงินกับทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายทุกครั้ง
ราคาเริ่มต้น
111,555 บาท
รหัส 039-02130 ทัวร์โปรตุเกส สเปน
ราคาเริ่มต้น 111,555 บาท
เดินทางช่วง ต.ค.67 / ธ.ค.67
เดินทางโดย Qatar Airways (QR)
ดูเพิ่มเติม https://idoltravellers.com/tour.php?tour_id=8292

ไฟล์ PDF https://tourfiles.vm101.net/pdf/079/039-02130.pdf

สนใจติดต่อ บริษัท ไอดอลทราเวลเลอร์ส แอนด์ อีเว้นท์ออล จำกัด
เลขที่ใบอนุญาต 11/11487
โทร 0964746656
LINE ID happyidol
อีเมล patty.idoltravellers@gmail.com
คัดลอกข้อมูลทัวร์
เพิ่มในรายการโปรด
Share on social networks
Scan QRCode
ติดต่อสำนักงาน
บริษัท ไอดอลทราเวลเลอร์ส แอนด์ อีเว้นท์ออล จำกัด
เลขที่ใบอนุญาต 11/11487

2/4 หมู่บ้านกลางเมือง ลาดพร้าว 101 ซอยลาดพร้าว 101 ซอย38แยก1 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240

จันทร์-ศุกร์ 9:00-18:00

เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105555173325

บริการของเรา
บริการจองตั๋วเครื่องบิน
บริการทำ VISA ทุกประเทศ
บริการจัดนำเที่ยวต่างประเทศ
บริการจัดนำเที่ยวในประเทศ
บริการเช่ารถตู้ รถบัสโดยสาร
บริการจองที่พัก โรงแรม รีสอร์ท
บริการจัดอบรมประชุมสัมมนา Outting
บริการจัดกีฬาสี และให้เช่าอุปกรณ์เกมส์
ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
LineID
Add LINE Friends via QR Code
ติดตามเรา
home
หน้าหลัก
quatation
ขอใบเสนอราคา
chat
ติดต่อเรา
ติดต่อ
chat ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
search ค้นหาโปรแกรมทัวร์
home หน้าหลัก
approval ขอใบเสนอราคา